วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ดอกนางพญาเสือโค่รง


นางพญาเสือโคร่ง หรือ ซากุระเมืองไทย

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Prunus cerasoides D . Don

ชื่อสามัญ : นางพญาเสือโคร่ง (Himalayan Cherry)

ชื่อพื้นเมือง : นางพญาเสือโคร่ง ฉวีวรรณ Chawiwan,ชมพูภูพิงค์ Chomphu phuphing, เส่คาแว่ Se-Kha-waeg เสแผ่ Se-phae, เส่ลาแหล่ Se-la-lae (Karen-Chiang Mai),ซากุระดอย,ยูนนาน เชอรี่Yunnan Cherry

นางพญาเสือโคร่งได้รับการขนานนามว่า ซากุระเมืองไทยเพราะพันธุ์ไม้ท้องถิ่นอันงดงามชนิดนี้ของประเทศไทย จัดอยู่ในวงศ์เดียวกับดอกซากุระของประเทศญี่ปุ่น คือ วงศ์กุหลาบ(Rosaceae)โดยนางพญาเสือโคร่งอยู่ในสกุล Prunus เช่นเดียวกับต้นเชอรี่ แอปริคอต พลัม แอปเปิลท้อ และสาลี่ ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ที่ชอบอากาศหนาวเย็น นางพญาเสือโคร่ง (Prunus cerasoides)เป็นไม้ต้นผลัดใบ ขนาดเล็ก มีความสูง ประมาณ 10-15 เมตร ที่พบบนอยู่ตามธรรมชาติ ไหล่เขา หรือตามสันเขา บริเวณเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง ตั้งแต่ระดับ 1,000 เมตร ขึ้นไปสภาพเป็นป่าดิบเขา

ใบ : เป็นชนิดใบเดี่ยว ลักษณะรูปรีแบบไข่ หรือ ไข่กลับออกสลับกันใบมี ความกว้าง 3-5เซนติเมตร ยาว 5-12 เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลม โคนใบกลม หรือ สอบแคบ ขอบจักปลายก้านใบมีต่อม 2-4 ตอม หูใบแตกแขนงคลายเขากวางใบล่วงง่าย

ดอก : สีขาวชมพู หรือ แดง ออกเป็นช่อกระจุกคลายปลายกิ่ง ก้านดอกยาว 0.7-2 เซนติเมตร ขอบริ้วประดับจักไม่เป็นระเบียบ กลีบเลี้ยงติดกันเป็นรูปกรวย กลีบดอกมี 5 กลีบ เมื่อบานขนาดโต เส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2 เซนติเมตร ระยะเวลาออกดอกระหว่างเดือนธันวาคม จนถึง เดือนกุมภาพันธุ์ โดยจะทิ้งใบก่อนออกดอกเป็นกระจุกตามปลายกิ่งมีทั้งสีชมพู แดง และ ขาวเมื่อดอกได้รับการผสมจะติดผลรูปไข่ผลสุกเป็นสีแดงแบบลูกเชอรี่

ผล : รูปไข่ หรือ กลมยาว 1-1.5เซนติเมตร เมื่อสุกสีแดงผลของพญาเสือโคร่งสามารถนำมารับประทานได้มีรสเปรี้ยวส่วนเนื้อไม้ และ การใช้ประโยชน์ด้านอื่นยังไม่มีการบันทึกข้อมูล

สถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถานโดย นาย มนตรี พุทธวงศ์ ได้นำปลูกเมื่อปีพ.ศ.2532 ปัจจุบันได้เพราะขยายพันธุ์แจกจ่ายให้ส่วนต่างๆที่มีความเหมะสมนำไปปลูกเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและส่งเสริมศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของชุมชนในอีกมิติหนึ่ง.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น